กาแฟสด คือ
กาแฟสดคือ กาแฟไม่สดคือ กาแฟ 3in1 คือ เป็นคำถามโลกแตกของใครหลายๆ คนที่ไม่เคยรู้ข้อมูลมาก่อนน่ะครับ เพราะเข้าใจว่ากาแฟก็คือกาแฟ กินแล้วทำให้ไม่ง่วงเหมือนกัน
วันนี้นายซูโม่จะมานำเสนอและบอกเล่าวิธีให้ฟังน่ะครับ ถึงเรื่องการกินกาแฟอย่างไรให้ถูกต้องและมีความรู้ติดตัวไปบ้างเมื่อถึงเวลาที่เราจะไปดื่มกาแฟจากร้านกาแฟต่างๆ
กาแฟสดก็คือ กาแฟสดตรงความหมายครับ เพราะเป็นกาแฟที่มาจากต้นกาแฟผ่านกรรมวิธีการลอกเปลือก( เนื้อ )ออกเป็นเมล็ดกะลา ( แบบมีเปลือก ) และมีการเก็บรักษาเอาไว้ ถามว่าทำไมต้องเก็บรักษาเอาไว้ ก็เพราะโดยปกติแล้วเมล็ดกาแฟมีการเก็บเกี่ยวปีล่ะ หนึ่งครั้งเท่านั้น จริงๆ ก็จะบอกว่าสามารถเก็บได้สองรอบนั้นล่้ะ แต่เป็นช่วงเดียวเท่านั้นคือ พฤษจิกายน ถึง ภุมภาพันธ์ ที่ว่าสามารถเก็บได้สองรอบก็คือ
การเก็บไม่หมดจากรอบแรกนั้นเอง ทำให้ต้องปล่อยผลสีเขียวเอาไว้ก่อน และเมื่อแดงหรือสุขเมื่อไรก็จะมาเก็บรอบสองกันครับ จากนั้นเค้าจะมีการเก็บดูแลรักษากันครับ เพื่อนำมาคั่ว ออกมาเป็นเมล็ดกาแฟสดคั่วอีกทีครับ
กรรมวิธีของกาแฟสดก็จะมีประมาณนี้ครับ อาจจะใส่รายละเอียดให้อีกที ในหัวข้อต่อไปน่ะครับ
ต่อไปคือกาแฟ 3 in 1 กันน่ะครับ
กาแฟนี้ไม่ใช่กาแฟสด นั้นหมายถึงเค้าได้แปลงเปลี่ยนสถานะให้เป็นผงที่พร้อมละลายน้ำเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ แต่กาแฟสดจะไม่สามารถละลายน้ำได้ เพราะเป็นเมล็ดพืช แค่นี้ล่้ะกันครับ
ส่วนรายละเอียดปลีกลึกจะของบอกในหัวข้อถัดถัดไปน่ะครับ
วันนี้นายซูโม่จะมานำเสนอและบอกเล่าวิธีให้ฟังน่ะครับ ถึงเรื่องการกินกาแฟอย่างไรให้ถูกต้องและมีความรู้ติดตัวไปบ้างเมื่อถึงเวลาที่เราจะไปดื่มกาแฟจากร้านกาแฟต่างๆ
กาแฟสดก็คือ กาแฟสดตรงความหมายครับ เพราะเป็นกาแฟที่มาจากต้นกาแฟผ่านกรรมวิธีการลอกเปลือก( เนื้อ )ออกเป็นเมล็ดกะลา ( แบบมีเปลือก ) และมีการเก็บรักษาเอาไว้ ถามว่าทำไมต้องเก็บรักษาเอาไว้ ก็เพราะโดยปกติแล้วเมล็ดกาแฟมีการเก็บเกี่ยวปีล่ะ หนึ่งครั้งเท่านั้น จริงๆ ก็จะบอกว่าสามารถเก็บได้สองรอบนั้นล่้ะ แต่เป็นช่วงเดียวเท่านั้นคือ พฤษจิกายน ถึง ภุมภาพันธ์ ที่ว่าสามารถเก็บได้สองรอบก็คือ
การเก็บไม่หมดจากรอบแรกนั้นเอง ทำให้ต้องปล่อยผลสีเขียวเอาไว้ก่อน และเมื่อแดงหรือสุขเมื่อไรก็จะมาเก็บรอบสองกันครับ จากนั้นเค้าจะมีการเก็บดูแลรักษากันครับ เพื่อนำมาคั่ว ออกมาเป็นเมล็ดกาแฟสดคั่วอีกทีครับ
กรรมวิธีของกาแฟสดก็จะมีประมาณนี้ครับ อาจจะใส่รายละเอียดให้อีกที ในหัวข้อต่อไปน่ะครับ
ต่อไปคือกาแฟ 3 in 1 กันน่ะครับ
กาแฟนี้ไม่ใช่กาแฟสด นั้นหมายถึงเค้าได้แปลงเปลี่ยนสถานะให้เป็นผงที่พร้อมละลายน้ำเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ แต่กาแฟสดจะไม่สามารถละลายน้ำได้ เพราะเป็นเมล็ดพืช แค่นี้ล่้ะกันครับ
ส่วนรายละเอียดปลีกลึกจะของบอกในหัวข้อถัดถัดไปน่ะครับ
วิธีชงกาแฟ
การชงกาแฟมีหลายแบบ (กาแฟสำเร็จรูปประเภท “เติมน้ำร้อน ช้อนคน” .นี่ไม่นับนะครับ) .. แต่ละแบบจะให้รสชาดและกลิ่นจากน้ำมันในเมล็ดกาแฟที่ต่างๆ กันไป โดยทั่วๆ ไปการชงกาแฟมีหลักพื้นฐานอยู่ 4 อย่างที่ควรจะรู้ คือ ปริมาณของกาแฟกับน้ำ การความละเอียดของกาแฟบด น้ำ และความสดของกาแฟ .. การชงกาแฟที่ใช้กันทั่วไปคือกาแฟบดสองช้อนโต๊ะ (~10 – 14 กรัม) ต่อน้ำ 6 ออนซ์ (180 cc) .. อาจจะมากหรือน้อยกว่านี้ได้ถ้ารู้สึกว่ากาแฟเข้มหรือจืดเกินไป.. ความละเอียดของกาแฟก็เป็นสิ่งสำคัญที่เป็นตัวกำหนดรสชาด กาแฟที่บดละเอียดมากๆ จะขมกว่ากาแฟที่บดหยาบ เพราะน้ำซึมผ่านช้ากว่า ได้สัมผัลและมีโอกาสดูดซับรสกาแฟได้นานกว่า.. อย่างไรก็ตามความละเอียดของกาแฟควรจะเลือกให้เหมาะกับวิธีการชงด้วยเพื่อให้ได้ความเข้มข้นที่พอเหมาะ .. น้ำถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะกาแฟหนึ่งถ้วยมีน้ำอยู่ 97-98% กาแฟที่ดีควรชงจากน้ำสะอาดบริสุทธิ์ ใช้น้ำเย็นต้มให้เดือดแล้วพักไว้ซักแป๊บนึงแล้วค่อยเอามาชง อุณหภูมิน้ำที่เหมาะสำหรับชงกาแฟคือ 90-96′C .. ถ้าน้ำไม่ร้อนพอจะทำให้ดึงรสชาดกาแฟออกมาได้น้อย เรื่องสุดท้ายคือความสดของเมล็ดกาแฟ เรื่องนี้ผมขอเอาไปรวมไว้ในเรื่องการเก็บรักษากาแฟละกันนะครับ…
วิธีที่นิยมใช้กันทั่วๆ ไปในการชงกาแฟ ก็คือการหยดน้ำร้อนผ่านกาแฟบด (Drip) วิธีนี้เป็นวิธีที่เครื่องต้มกาแฟ (Drip maker, Coffee maker) ที่มีขายทั่วไปใช้กัน การชงแบบหยดน้ำร้อนนี้จะให้รสชาดและกลิ่นของกาแฟได้พอสมควร แต่รสจะไม่จัด เพราะจะมีกระดาษกรอกกากกาแฟ ทำให้มีโอกาสที่รสของกาแฟจะเสียไปบ้าง แต่เป็นวิธีที่ง่าย ใส่กระดาษกรอก ใส่กาแฟบด เติมน้ำ เปิดสวิตท์ ก็ได้กาแฟร้อนๆ หอมๆ ดื่มแล้วสดชื่น.. กาแฟที่ใช้การหยดน้ำนี่ควรดื่มใน 20 นาที.. พูดแล้วก็น้ำลายไหล.. ~~
วิธีที่สองหลายคนคงเคยได้ยิน แต่อาจจะไม่รู้จักเท่าไหร่นัก นั่นก็คือ เอสเพรสโซ (Espresso) .. ที่จริงเอสเพรสโซไม่ใช่ชื่อของพันธุ์กาแฟ หรือสูตรกาแฟ แต่เป็นวิธีการชงกาแฟครับ และเครื่องดื่มที่ได้จากการชงแบบนี้จะเรียกว่า “กาแฟเอสเพรสโซ” การชงแบบเอสเพรสโซต้องใช้เครื่องชงเอสเพรสโซ (Espresso Machine) ในการทำ หลักการของเครื่องชงเอสเพรสโซก็คือจะใช้แรงดันอัดน้ำร้อนให้ผ่านไปในกาแฟบดละเอียด ซึ่งจะให้รสชาดกาแฟออกมาเต็มที่มากกว่าการหยดน้ำร้อนผ่านกาแฟ คำว่า Espresso ก็มาจากภาษาลาติน Espressere ซึ่งแปลว่า กด หรือ ดัน .. วิธีนี้ว่ากันว่าเป็นการชงที่เข้าถึงหัวใจของเมล็ดกาแฟได้เต็มที่ การอัดน้ำให้ผ่านกาแฟบดจะใช้แรงดันราวๆ 9 เท่าของแรงดันบรรยากาศ ใช้เวลาประมาณ 18-23 วินาทีก็เสร็จ เอสเพรสโซจะทำถ้วยต่อถ้วย ไม่มีการทำค้างไว้เหมือนการชงแบบหยด เวลาเสิร์ฟจะใส่แล้วเล็กๆ ปะมาณออนซ์เดียว (ถ้วยกาแฟปกติประมาณ 6 ออนซ์ ถ้านึกไม่ออกลองเทียบกับขนาดของกาแฟกระป๋องที่มีขายในตู้แช่บ้านเรา นั่นล่ะครับ 6 ออนซ์) แล้วต้องดื่มทีเดียวให้หมด ใครสั่งเอสเพรสโซมานั่งจิบชมวิวทำเท่ห์ล่ะแสดงว่าดื่มไม่เป็นนะครับ.. เอสเพรสโซแท้ๆ จะขมมากครับ เพราะกาแฟบดที่ใช้กับเอสเพรสโซจะผ่านการคั่วนานจนสีเข้ม เรียกว่า Dark roasted เมล็ดกาแฟที่ใช้อาจจะมาจากกาแฟพันธุ์แท้ หรืออาจจะเป็นกาแฟ เบลนด์ที่แต่ละร้านทำขึ้นเอง ดังนั้นรสชาดและกลิ่นอาจจะต่างกันได้ แม้ว่าจะสั่งเอสเพรสโซเหมือนกัน..
วิธีที่อาจจะแปลกสักเล็กน้อยสำหรับคอกาแฟ คือการชงโดยใช้เพอร์โคเลเตอร์ (Percolator) เพอร์โคเลเตอร์มีลักษณะเหมือนเหยือกเก็บความร้อนทั่วๆ ไป หลักการชงกาแฟของเพอร์โคเลเตอร์คือเอากาแฟต้มแล้ว มาผ่านกาแฟบด ซ้ำๆ หลายๆ รอบ .. ที่บอกว่าแปลกเพราะการชงโดยเพอร์โคเลเตอร์ละเมิดกฏการชงกาแฟที่สำคัญสองข้อคือ 1. การชงกาแฟต้องไม่ดึงรสหรือกลิ่นของกาแฟมากเกินไป กาแฟบดจึงนำมาต้มหรือชงเพียงรอบเดียวเท่านั้น ถึงแม้ว่ากากจะเหลือรสกาแฟค้างอยู่ก็ตาม และข้อ 2. คือ กาแฟต้มแล้วต้องเอามาดื่มเลย ห้ามปล่อยให้เย็น ถ้ากาแฟเย็นลงจะไม่นำมาต้มหรืออุ่นซ้ำ เพราะรสและกลิ่นจะผิดจากเดิม กฏสองข้อนี้ถือว่าสำคัญสำหรับนักดื่มกาแฟ และเป็นกฏที่ร้านกาแฟทั่วไปจะทำตามเสมอ.. การชงกาแฟโดยเพอร์โคเลตอร์ทำให้ได้กาแฟที่ขมมาก กลิ่นหอมรุนแรง เพราะรสและกลิ่นน้ำมันหอมจากกาแฟจะถูกสกัดออกมาจนเกลี้ยงกว่าวิธีอื่น ซึ่งคอกาแฟที่อนุรักษ์นิยมจะไม่ค่อยชอบ .. – -
แต่วิธีการชงที่ถือว่าให้รสชาดและความหอมของกาแฟได้ดีที่สุดคือการชงแบบเฟรนช์เพรส (French Press) หรือ โบดัม (Bodum) วิธีชงต้องใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า plunger pot ต้องใช้กาแฟชั้นดีบดหยาบที่สุด ก่อนชงต้อง preheat โดยใช้น้ำร้อนเทลงไปใน plunger ก่อน ใส่กาแฟบด 2 ช้อนโต๊ะต่อกาแฟ 1 ถ้วย (6 ออนซ์) เทน้ำที่เพิ่งเดือดลงให้ท่วมกาแฟ ให้แน่ใจว่าเม็ดกาแฟโดนน้ำร้อนทุกเม็ด ปิดฝา plunger พักไว้ 4 นาทีเป๊ะๆ แล้วถึงกด plunger บีบให้กาแฟผ่านตะแกรง กาแฟที่ชงด้วยวิธีเฟรนช์เพรสควรดื่มภายใน 20 นาที สำหรับคอกาแฟที่ต้องการความสุนทรีย์ในการดื่มสุดๆ ก็ไปซื้อ plunger มาซะ ราคาเมืองนอกประมาณ 1000 บาท (Starbucks มีขาย) เมืองไทย เห็นแวบๆ แถว Big C, Lotus ราวๆ 300 บาท ได้ plunger แล้วก็ซื้อกาแฟดีๆ มาลงชงดื่ม จะได้รู้ว่ารสชาดกาแฟที่ดีที่สุดเป็นยังไง~~
มอคคา พอต Moka pot เป็นเครื่องรชงที่ใช้หลักความดันไอน้ำ เช่นเดียวกับเครื่องชงแบบเอสเปรสโซ ประกอบด้วยสองส่วน ที่ยึดติดกันโดยวิธีขันเกลียว เริ่มต้นด้วยการใส่น้ำในส่วนล่างจนได้ระดับ ใส่กาแฟบดในส่วนบน (filter chamber) โดยไม่ต้องกดให้แน่นอย่างเครื่องเอสเปรสโซ แล้วประกอบสองส่วนเข้าด้วยกันโดยหมุนเกลียว วางเครื่องชงบนเตา รอให้กาแหยุดเดือดจึงรินเสริฟ ส่วนตัวแล้วชอบอันนี้ที่สุด;)
การเก็บรักษากาแฟ
การเก็บรักษากาแฟที่ดีจะทำให้กาแฟยังคงสดใหม่ และช่วยคงรสชาดและความหอมของกาแฟไว้ได้นาน การเก็บรักษากาแฟมีข้อควรคำนึงถึงอยู่ 4 อย่างคือ อากาศ ความชื้น แสง และความร้อน เพราะเป็นตัวเปลี่ยนรสชาดและความหอมของกาแฟ.. การเก็บรักษาจึงควรหลีกเลี่ยงทั้ง 4 อย่างนี้..คำแนะนำทั่วๆ ไปในการเก็บรักษาก็มีดังนี้ครับ
ควรเก็บกาแฟไว้ในขวดแก้วปิดสนิท เพราะแก้วไม่ทำให้รสชาดและกลิ่นกาแฟโดนเจือปน
ควรวางขวดไว้ในที่เย็นและไม่โดนแดดเพราะเชื่อกันว่าแสงอาทิตย์ทำให้กลิ่นระเหยเร็วและความสดหายไป
ไม่ควรนำกาแฟเก็บในตู้เย็น แม้ว่ากาแฟหลายยี่ห้อจะแนะนำให้แช่เย็นก็ตาม เพราะความเย็นทำให้รสชาดกาแฟเสีย และเมื่อเอาขวดออกจากตู้เย็นจะทำให้เกิดความชื้นในขวดได้
ถ้าเป็นไปได้ ควรซื้อเมล็ดกาแฟคั่วที่ยังไม่ได้บด เพราะมีพื้นผิวสัมผัสอากาศน้อยกว่ากาแฟที่บดแล้ว จึงเก็บรักษาได้นานกว่า ได้รสชาดและกลิ่นที่หอมกว่า
เมล็ดกาแฟควรนำมาบดเมื่อต้องการจะชง ในปริมาณที่ต้องการดี่ม .. ไม่ควรบดทิ้งไว้ล่วงหน้านานๆ เพราะถ้าทิ้งกาแฟไว้นานจะถูกอากาศนานเกินไป ทำให้กาแฟไม่สด
หากไม่มีเครื่องบดกาแฟ ควรจะซื้อเป็นเมล็ดกาแฟแล้วให้ร้านค้าบดให้ ปริมาณที่ซื้อกะให้พอดีที่จะดื่มในหนึ่งสัปดาห์ เพื่อให้มั่นใจว่าได้ดื่มกาแฟที่สดเสมอ
คำแนะนำพวกนี้ ร้านกาแฟดีๆ จะค่อนข้างเคร่งครัด เพราะหมายถึงคุณภาพที่ดี รสชาดของกาแฟที่อร่อย กลิ่นที่หอมหวล ใช้เป็นการดึงดูดลูกค้าไปในตัวด้วย..นะครับมั่นเป็นประโยชน์สำหรับร้านการแฟไม่มากก็น้อยครับ
จำหน่าย ขายทั้งปลีก และ ส่ง เมล็ดกาแฟคั่วสด เกรด ฟรีเมียม ดอยช้าง และ กาแฟสาร พร้อมคั่ว และรับตัวแทนจำหน่าย สนใจติดต่อ คุณ วีระเดช ชัยชนะ , โทร.089-982-7892 , Email : cveeradech@gmail.com
จำหน่าย ขายทั้งปลีก และ ส่ง เมล็ดกาแฟคั่วสด เกรด ฟรีเมียม ดอยช้าง และ กาแฟสาร พร้อมคั่ว และรับตัวแทนจำหน่าย สนใจติดต่อ คุณ วีระเดช ชัยชนะ , โทร.089-982-7892 , Email : cveeradech@gmail.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น